ทำความรู้จักกับ Cloud Storage

cloud-storage

 

Cloud Storage หรือว่า คลังเก็บข้อมูลบนก้อนเมฆ คือ คลังเก็บข้อมูลที่อยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สามารถฝากไฟล์และดึงไฟล์ออกได้อย่างสะดวก โดยต้องใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกับ HDD ในคอมพิวเตอร์ของเรานั้นเอง ทำให้บริการของ Cloud Storage ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อีกทั้งในปัจจุบันยังมีปัจจัยต่างๆ มาสนับสนุนเจ้า Cloud Storage ให้มีประโยชน์ในการใช้มากขึ้นอย่าง จำพวก Smart Phone และ Tablet ต่างๆ ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว สามารถรับข้อมูลได้ง่ายมากขึ้น

ข้อดีในการใช้งาน Cloud Storage 

– สามารถเข้าถึงไฟล์ต่างๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา
– สามารถเพิ่มขนาดจัดเก็บไฟล์ได้
– คุ้มค่ามากกว่าการซื้ออุปกรณ์จัดเก็บไฟล์อย่างพวกฮาร์ดดิสก์
– ไม่มีความเสี่ยงกับในเรื่องของอุปกรณ์จัดเก็บไฟล์เสีย
– ได้รับบริการเสริมต่างๆ เช่น การสำรองข้อมูล การรับประกันในกรณีข้อมูลสูญหาย เป็นต้น

ข้อเสียในการใช้งาน Cloud Storage

– จำเป็นต้องใช้งานผ่านการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเท่านั้น
– ความปลอดภัยของข้อมูลซึ่งอาจถูกแฮ็กข้อมูลได้
– เสียค่าบริการ ในกรณีที่มีการฝากไฟล์เกินขนาดที่ผู้ให้บริการแต่ละรายกำหนด

 

ในปัจจุบัน การให้บริการ Cloud Storage เริ่มเป็นที่แพร่หลายในกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก  และได้มีผู้ให้บริการต่างๆ หันมาให้ความสนใจในตัว Cloud Storage เป็นอย่างมาก เราจะยกตัวอย่างผู้ให้บริการ Cloud Storage รายใหญ่ จำนวน 4 รายให้ได้ชมกัน

cs

1. SkyDrive จาก Microsoft (ปัจจุบันใช้ชื่อว่า OneDrive)

SkyDrive เป็นหนึ่งในการบริการของ Windows Live (ที่มีการเปลี่ยนจาก Hotmail) ซึ่งทำหน้าที่ Cloud Storage เริ่มให้บริการมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้วแต่ไม่เป็นที่รู้จัก เพราะว่า SkyDrive “มาเร็วเกินไป” จึงไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ในช่วงที่ Microsoft ให้บริการ SkyDrive นั้น ยังไม่มีคำว่า Cloud Computing ด้วยซ้ำ อีกทั้งรูปแบบนั้นยังใช้งานยาก แล้วยังจำเป็นที่จะต้องต่อกับอินเตอร์เน็ต ยากต่อการใช้งาน มาตอนหลัง Microsoft ได้ปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยมีพื้นที่เก็บข้อมูลแบบฟรีๆสูงสุดถึง 15GB และสามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลฟรีได้มากถึง 25GB นอกจากนี้ยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วยการ Sync ข้อมูลบนเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยรองรับการทำงานได้ทั้งบน PC และ MAC  ส่วน APP ในกลุ่มโมบาย แน่นอนว่าจะรองรับ Window Phone เป็นอันดับแรก อีกแพลตฟอร์มคือ iOS ส่วน Android กำลังทำการพัฒนาให้สามารถใช้งานได้ด้วยเช่นกัน

cs4 copy

2.Google Drive จาก Google

บริษัทรายใหญ่ทางอินเตอร์เน็ตอย่าง Google ก็ได้เริ่มสร้างกระแสบริการ Cloud Storage ขึ้นมาในชื่อ Google Drive ที่อัพบริการจาก Google Docs ซึ่งมีพื้นที่ที่ให้บริการทั้งหมด 15GB สามารถเข้าได้ทั้งทางเว็บในเวอร์ชั่น Windows และ MAC OS X และอุปกรณ์แท็บเล็ตแบบ Android ก็สามารถเข้าไปแชร์ไฟล์และโฟลเดอร์ได้อย่างอิสระ

cs3

3.iCloud จาก Apple

Apple iCloud ที่เรารู้จักกันก็เป็นบริการแบบ Cloud Storage เช่นกัน โดย iCloud มีพื้นที่ให้บริการทั้งหมด 5GB สามารถเข้าได้ทั้งทาง ไอแพด ไอโฟนและยังสามารถเข้าได้ทางคอมพิวเตอร์โดยล็อคอินผ่าน AppleID และอนุญาตให้เก็บไฟล์ข้อมูลฟรีเป็นบางประเภทเท่านั้น เช่น รูปภาพ ถ้าต้องการที่จะเก็บไฟล์รูปแบบอื่นจำเป็นจะต้องดาวน์โหลดแอพพริเคชั่นอื่นๆ เพิ่มเติม (อาจเป็นแอพพริเคชั่นที่มีค่าใช้จ่าย)

cs2

Dropbox

Dropbox ให้บริการพื้นที่เก็บฟรี 2GB และสามารถใช้ได้สูงสุดถึง 18GB โดยที่เราต้องทำตามเงื่อนไขของ Dropbox และสามารถเข้าใช้งาน Dropbox ได้ในระบบคอมพิวเตอร์เวอร์ชั่น Windows, MAC OS X และ Linux และอุปกรณ์มือถืออย่าง Smart Phone, Tablet ทั้ง iOS , Android และ BlackBerry นอกจากนี้ยังสามารถแชร์ไฟล์และโฟลเดอร์ได้

 

สรุปแล้ว Cloud Storage เป็นเทคโนโลยีทางเลือกหนึ่งที่ผู้ใช้ IT ให้ความสนใจเป็นอย่างมากและมีการให้บริการอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพียงแค่เรามีอินเทอร์เน็ตเราก็สามารถใช้งานเจ้า Cloud Storage ได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องพก Eternal Harddisk หรือ Flash Drive ให้ยุ่งยาก แต่อย่างไรก็ตาม ถึง Cloud Storage จะมีช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้ มันก็ยังส่งผลเสียกับผู้ใช้งานที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์อีกด้วย เช่น การ Sync ข้อมูลไฟล์ใน Smart Phone กับ Cloud Storage โดยอัตโนมัติ มันจะช่วยในการเก็บไฟล์ไว้บน Cloud เป็นการสำรองไฟล์รูปแบบหนึ่งก็จริง แต่สำหรับไฟล์ที่เราไม่ต้องการให้ผู้ใช้คนอื่นรู้ ไฟล์ที่เป็นความลับ หรือไฟล์ส่วนตัวของเรานั้น ก็จะถูกอัปโหลดส่งขึ้นไปบน Cloud เช่นกัน เราจึงต้องระมัดระวังการใช้งานเจ้า Cloud Storage และควรตรวจสอบไฟล์ที่ถูกส่งไปยัง Cloud เป็นประจำ ทางที่ดีเราควรตั้งค่าการอัปโหลดไฟล์ขึ้นไปยัง Cloud โดยที่เราเป็นผู้กำหนดเอง เพื่อความปลอดภัยของไฟล์ส่วนตัวของเรา

 

เว็บไซต์อ้างอิง : http://www.jib.co.th/web/index.php/news/readNews/17984/index.html

Leave a comment